25 เมษายน 2567
น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เปิดเผยถึงเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลในโกดังเก็บสารเคมี ที่เกิดขึ้นในโรงงานย่านพระราม 2 จนเกิดกลุ่มควันสีขาวในช่วงประมาณ 02.10 น. ได้สั่งการให้ นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และนายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบสาเหตุ เบื้องต้นได้รับรายงานว่า สถานที่เกิดเหตุ คือ อาคารเก็บสารเคมีของบริษัท เพรสซิเดนท์เคมีภัณฑ์ จำกัด ไม่เข้าข่ายเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน
การตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ส่วนกลุ่มควันสีขาวเกิดจากสารเคมี 2 ถังในอาคารหลัง เจ้าหน้าที่จึงทำการขนย้ายสารเคมีในกลุ่มเดียวกันออกมาด้านนอกอาคาร และใช้น้ำในการควบคุมควันที่เกิดขึ้น และเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการเปิดบรรจุภัณฑ์เมื่อสารเคมีกระทบอากาศทำให้เกิดไฟลุกไหม้ภายในถัง จึงเร่งควบคุมเพลิงเพื่อไม่ให้สารเคมีแพร่กระจาย โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที
การชี้แจ้งข้อมูลสารเคมี และการกำชับ
น.ส.พิมพ์ภัทรา ได้กล่าวว่า หลังจากการตรวจสอบชนิดของสารเคมีที่พบในที่เกิดเหตุ คือ สารไทโอยูเรียไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสารเคมีที่ไม่เข้าข่ายวัตถุอันตรายตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 เป็นสารเคมีตามประเภทที่มีความเสี่ยงต่อการลุกไหม้ได้เอง (self-heating) โดยความร้อนเกิดจากตัวสารทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศที่อุณหภูมิรอบตัว ทำให้สามารถลุกติดไฟได้ เมื่อมีความร้อนสะสมต่อเนื่องภายใน ทั้งนี้ จากการสันนิษฐานสาเหตุเบื้องต้นเกิดจากการสะสมความร้อนภายในบรรจุภัณฑ์ของสารไทโอยูเรียไดออกไซด์ทำให้ภายในบรรจุภัณฑ์มีอุณหภูมิสูงจนทำให้มีกลุ่มควันเกิดขึ้น
“เพิ่มเติมได้กำหนดให้ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม อธิบดีกรมโรงงาน และอุตสาหกรรมจังหวัดทุกจังหวัดว่า ให้เร่งแจ้งเตือนสถานประกอบการที่มีการจัดเก็บสารเคมี ให้เพิ่มความระมัดระวัง และตรวจสอบสถานที่จัดเก็บให้เป็นไปตามข้อกำหนด ทั้งโรงงานและสถานที่ครอบครองจัดเก็บวัตถุอันตราย หรือสารเคมี โดยต้องตรวจสอบสารเคมีที่จัดเก็บ เช็ก MSDS เอกสารข้อมูลความปลอดภัยเพื่อให้แน่ใจว่ามีสารเคมีที่มีลักษณะเดียวกัน คือ เกิดปฏิกิริยา หรือติดไฟเองได้ หากอุณหภูมิการจัดเก็บสูง ต้องแยกออกจากกัน และเช็กสภาวะแวดล้อม จัดเก็บในที่อุณหภูมิที่เหมาะสม เนื่องจากปัจจุบันสภาวะอากาศมีอุณหภูมิสูงต่อเนื่อง”
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.matichon.co.th/economy/news_4544442