7 พฤศจิกายน 2566
เกิดเหตุเพลิงไหม้ร้านยางรถยนต์ ที่ตั้งอยู่ริมถนนหลวงสาย 222 ระหว่างบึงกาฬ-พังโคน ห่างจากสี่แยกไฟแดงบึงกาฬประมาณ 1 กิโลเมตร ทำให้เสียหายอย่างรุนแรง มูลค่าความเสียหายกว่า 4 ล้านบาท โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคืน ทำให้เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดความสงสัยและความสนใจจากประชาชนในพื้นที่และสื่อมวลชนทั่วไป
ระเบิดที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว
ร้านยางรถยนต์ที่เป็นร้านจำหน่ายล้อยางรถยนต์ทั้งใหม่และเก่า และสินค้าอื่นๆ เช่น น้ำมันเครื่อง ล้อแม็กซ์ และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ ที่มีมูลค่าสูงก็ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์นี้อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลเมืองบึงกาฬ อบต.โนนสมบูรณ์ และอบต.นาสวรรค์ ร่วมกับรถน้ำบรรทุกน้ำจากแขวงทางหลวงบึงกาฬมากว่า 10 คัน และ จนท.ตำรวจ สภ.เมืองบึงกาฬ หน่วยกู้ภัยนทีธรรม กู้ภัยร่วมใจบึงกาฬ และกู้ภัยสว่างศรีวิไล ได้ร่วมกันดับเพลิงในระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมง เพื่อควบคุมและยับยั้งการลุกไหม้ในพื้นที่
นอกจากนี้ ในการสอบถามแม่เจ้าของร้าน ได้รายงานว่า ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ เจ้าของร้านอยู่ระหว่างการท่องเที่ยวในจังหวัดนครราชสีมา และไม่ได้อยู่ในร้านในขณะเกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม พนักงานในร้านได้รับข้อความแจ้งเตือนจากบริษัทส่งของเมื่อมีเหตุเพลิงไหม้กำลังเกิดขึ้น ซึ่งเขาจึงรีบมายังร้าน และพบว่าไฟไหม้กำลังลุกไหม้อย่างรวดเร็วบนชั้น 2 ของบ้าน ที่มีส่วนปูนและไม้ประกอบกัน
คาดว่าเสียหายกว่า 4 ล้านบาท
แม่เจ้าของร้านกล่าวว่า พนักงานในร้านได้ร่วมกันนำรถยกและทรัพย์สินอื่นๆ ที่อยู่นอกพื้นที่ร้านออกจากพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับความเสียหาย แต่ส่วนทรัพย์สินที่อยู่ในร้านและข้างบ้าน กลับไม่สามารถช่วยเหลือได้ทันเนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในทางส่วนของชาวบ้านใกล้เคียงที่ไม่ได้อยู่ในระยะที่ได้รับผลกระทบ ได้รายงานว่า ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิดก่อนเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างน้อย 2 ครั้ง โดยมีข้อมูลให้การเพิ่มเติมว่า ไฟกำลังลุกไหม้ที่คอมเพรสเซอร์ด้านนอกของร้าน โชคดีที่บ้านตนและบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงไม่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์เหล่านี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบึงกาฬ และตำรวจพิสูจน์หลักฐานบึงกาฬ ยังไม่สามารถเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากยังมีควันไฟคลุ้งคล่ายอยู่ ซึ่งจึงต้องรอให้ไฟดับสนิทก่อนที่จะสามารถเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุได้อย่างปลอดภัย
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4272091