30 พฤษภาคม 2567
นายโอภาส บุญจันทร์ กรรมการ บริษัท วิน โพรเสส จ.ระยอง ที่เกิดเพลิงไหม้ และเชื่อมโยงกับ บริษัท เอกอุทัย ถูกแจ้งข้อกล่าวหาปลอมแปลงเอกสารและตราประทับบริษัท เพื่อใช้ทำธุรกรรม ซึ่งนายโอภาสให้การปฎิเสธข้อกล่าวหานี้ ก่อนจะถูกนำตัวส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ตำรวจสอบสวนกลางพร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม นำหมายศาลเข้าค้น บริษัท เอกอุทัย สาขาสามบัณฑิต อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ยึดเอกสารจำนวนมาก และที่สำคัญคือ ได้ดำเนินการขุดเจาะบริเวณที่มีข้อมูลว่าเป็นบ่อฝังกลบกากน้ำกรด เมื่อเจ้าหน้าที่ตักลงไปครั้งแรก ก็พบสารเคมีทันที
ผลการตรวจสอบเบื้องต้น
กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้นำรถแบคโฮเข้าเจาะสำรวจบนพื้นดินที่มีข้อมูลว่าถูกลักลอบฝังกลบกากสารเคมีที่เป็นน้ำ เมื่อตักลงครั้งแรก ก็พบสารเคมีประเภทกรด พวยพุ่งขึ้นจากดินทันที
เจ้าหน้าที่ขุดเจาะสำรวจในจุดอื่นๆ ใกล้เคียงกันก็พบสารเคมีทั้งที่มีสภาพเป็นของเหลว ที่จับตัวเป็นก้อนเหนียว และเป็นฟองจากการเกิดปฎิกิริยาของสารเคมี พุ่งออกมาหลายพื้นที่ ซึ่งระหว่างที่เจ้าหน้าที่ขุดเจาะ สารเคมีได้ส่งกลิ่นเหม็นฉุนแสบจมูกอย่างมาก
การค้นเอกสารและเชื่อมโยงคดี
การขุดเจาะนี้เป็นไปตามเป้าหมายการหาพยานหลักฐาน หลังจากปี 2564 เคยพบภาพบ้านหลังโรงงานเป็นบ่อใหญ่ แต่การตรวจสอบในปี 2566 ของอุตสาหกรรมจังหวัดไม่พบบ่อนั้นแล้ว จึงเชื่อว่าบ่อถูกเทสารเคมีและฝังกลบเพื่อปกปิดความผิด เพราะสำนักงาน บริษัท เอกอุทัย ไม่ได้รับอนุญาตให้ฝังกลบหรือกำจัดบำบัดกากสารเคมีแต่อย่างใด
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ขุดเจาะที่ดินติดกับกำแพง บริษัท เอกอุทัย มีลักษณะถูกปลูกป่าไผ่และพืชสวนไว้บนหน้าดิน การขุดเบื้องต้นพบดินปนเปื้อนมีกลิ่นสารเคมี เจ้าหน้าที่ได้นำตัวอย่างดินปนเปื้อนไปตรวจสอบแล้ว
เมื่อ 3 วันก่อนกรมควบคุมมลพิษ ได้นำโดรนบินสำรวจการปนเปื้อนของสารเคมี รอบๆ โรงงานเอกอุทัย เพื่อวางแผนสำรวจอย่างละเอียดเพิ่มเติม หลังจากพบการรั่วไหลและซึมไปถึงพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะ 3 ปีก่อน ก็เกิดปัญหาเช่นนี้มาแล้ว
ตำรวจสอบสวนกลางได้ค้นภายในสำนักงาน บริษัท เอกอุทัย และใช้อำนาจตามหมายศาล ยึดอายัดเอกสารการทั้งหมดของ บริษัท เอกอุทัย ไว้เพื่อนำไปทำบัญชีของกลางรายงานต่อศาล แล้วจะส่งมอบเอกสารให้กรมโรงงานเพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี ที่กล่าวหา บริษัท เอกอุทัย ในอีกหลายคดี
ข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
นายโอภาส บุญจันทร์ กรรมการ บริษัท วิน โพรเสส จ.ระยอง ก็ถูกแจ้งข้อกล่าวหาที่ 2 โดยถูกแจ้งข้อกล่าวหาครอบครองวัตถุอันตรายและฝ่าฝืน คำสั่งเจ้าพนักงานที่ จ.ระยอง โดยได้รับการประกันตัว จากศาลจังหวัดระยองและถูกแจ้งข้อกล่าวหาปลอมแปลงตราประทับที่ บริษัท เพราะสอน จำกัด เป็นผู้กล่าวหา ซึ่งนายโอภาสบอกว่า ไม่ได้กระทำผิดในเรื่องดังกล่าว
ที่มาของข้อกล่าวหาดังกล่าว มาจากที่นายบุญเลิศ ซึ่งเป็นกรรมการ บริษัท เพราะสอน และเป็นหนึ่งในผู้ต้องหา ครอบครองวัตถุอันตราย แจ้งความเอาผิดนายโอภาส โดยกล่าวหาว่าปลอมแปลงตราประทับ บริษัท เพราะสอน ที่เขาเป็นกรรมการอยู่และนำเอกสารที่ปลอมแปลงนั้นไปใช้ทำธุรกรรม ที่ทำให้เขาได้รับผลกระทบด้วย
อย่างไรก็ตาม ตำรวจไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่า เอกสารและตราประทับปลอมนั้น ถูกนำไปใช้ทำธุรกรรมใดบ้าง แต่มีข้อมูลว่า บริษัท เพราะสอน ที่นายบุญเลิศ เป็นกรรมการอยู่นั้น เป็นคู่สัญญาเช่าโกดังที่อำเภอภาชี ก่อนจะถูกใช้เก็บสารเคมีแต่ บริษัท เพราะสอน เป็นผู้เช่าก็ปรากฏว่า ผู้จ่ายเงินค่าเช่าด้วยการโอน มีชื่อนายโอภาส บุญจันทร์ เป็นผู้จ่าย จึงเป็นที่น่าสังเกตุว่าทั้งสองบริษัทนี้เชื่อมโยงถึงกัน
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ระบุว่าพนักงานสอบสวนกำลังเร่งรวบรวมหลักฐานกรณีอื่นๆ ที่เชื่อมโยงถึงกัน รวมถึงคดีเพลิงไหม้ ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีและรักษาการ ผบ.ตร.ที่ต้องเร่งคลี่คลายเรื่องนี้
ล่าสุด เอกสารหลักฐานที่ยึดได้จากบริษัท วิน โพรเสส จำกัด จ.ระยอง เมื่อวานนี้ วันนี้ตำรวจทำบันทึกหลักฐานแล้วพบว่ามีทั้งหมด 1,122 แฟ้ม ขณะนี้ถูกส่งมอบให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อนำไปใช้ประกอบสำนวนคดีเอาผิดนายโอภาส บุญจันทร์ ตามข้อกล่าวหาที่แจ้งไว้
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://ch3plus.com/news/social/3mitinews/402124