กฎหมายอัคคีภัย เป็นกฎหมายที่มีไว้เพื่อให้ทุกสถานที่ปลอดภัยจากอันตรายจากไฟไหม้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ทำงาน สถานที่สาธารณะต่างๆ รวมไปถึงที่อยู่อาศัยด้วย ต่อไปนี้คือ 32 ข้อกฎหมายอัคคีภัย ที่จำเป็นต้องรู้
1. หัวหน้างานจะต้องวางระบบป้องกันและดับไฟในที่ทำงาน ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกสิ่งที่จำเป็นในการดับเพลิงมีความพร้อมและทำงานได้ดี
2. หากสถานที่ทำงานมีพนักงานตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป หัวหน้างานจำเป็นต้องมีแผนความปลอดภัยจากอัคคีภัยโดยละเอียด ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบสิ่งต่างๆ ฝึกอบรมพนักงาน และตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกคนรู้วิธีหลบหนีเมื่อเกิดเพลิงไหม้
3. อาคารจะต้องมีทางหนีไฟอย่างน้อย 2 ทางทุกชั้น เพื่อให้ทุกคนสามารถออกไปได้อย่างรวดเร็วภายใน 5 นาที
4. สถานที่ที่มีมากกว่าหนึ่งชั้นหรือพื้นที่ขนาดใหญ่จะต้องมีสัญญาณแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้ทุกที่
5. จะต้องมีแสงสว่างเพียงพอเพื่อช่วยในการหลบหนีระหว่างเกิดเพลิงไหม้ และมีไฟฟ้าสำรองเพื่อให้ระบบความปลอดภัยทำงานหากไฟฟ้าดับ
6. จะต้องมีป้ายป้แสดงว่าจะต้องไปที่ไหนเพื่อหนีไฟ
7. ต้องมีอุปกรณ์เพียงพอในการดับเพลิง เช่น ระบบน้ำ ถังดับเพลิง ให้พร้อมใช้งาน
8. จะต้องมีถังดับเพลิงแบบพกพา
9. ในสถานที่ซึ่งเพลิงไหม้อาจเป็นอันตรายได้ จะต้องมีผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมให้พร้อมที่จะผจญเพลิงอยู่เสมอ พร้อมด้วยอุปกรณ์นิรภัยที่เหมาะสม
10. ความเสี่ยงจากไฟไหม้จากสิ่งที่มีอุณหภูมิสูงจะต้องได้รับการจัดการอย่างระมัดระวัง
11. หากธุรกิจมีวัตถุอันตรายที่อาจลุกไหม้หรือระเบิดได้ จะต้องจัดการอย่างปลอดภัยตามมาตรการที่กำหนด
12. อาคารจำเป็นต้องมีการป้องกันฟ้าผ่า
13. พนักงานในแต่ละแผนกอย่างน้อย 40% จะต้องรู้ทักษะการดับเพลิงขั้นพื้นฐาน
14. ทุกคนต้องฝึกอบรมการหนีไฟอย่างน้อยปีละครั้ง
15. การฝึกอบรมและการฝึกซ้อมจะต้องได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการ และมีเอกสารที่ชัดเจน
16. ประเภทและมาตรฐานของเครื่องดับเพลิงแบบพกพาต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์เฉพาะที่กฎหมายอัคคีภัยกำหนด
17. อุปกรณ์ตรวจจับอัคคีภัยและสัญญาณเตือนภัยต้องครอบคลุมทุกพื้นที่ของโรงงาน
18. ระบบสัญญาณแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากลและกฎหมายอัคคีภัย
19. นอกจากระบบดับเพลิงอัตโนมัติแล้ว โรงงานยังต้องมีถังดับเพลิงแบบพกพาด้วย
20. โรงงานจะต้องมีน้ำประปาเพียงพอสำหรับการดับเพลิง
21. พื้นที่จัดเก็บวัสดุไวไฟขนาดใหญ่จำเป็นต้องมีระบบดับเพลิงอัตโนมัติ
22. ระบบและอุปกรณ์ดับเพลิงต้องได้รับการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ
23. ช่องว่างในผนัง พื้น หรือท่อจะต้องปิดผนึกด้วยวัสดุที่สามารถทนไฟได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง
24. พื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้สูงจะต้องแยกออกจากกันโดยใช้วัสดุที่สามารถระงับไฟได้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง
25. โรงงานที่ทำจากเหล็กจำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันไฟแบบพิเศษตามกฎหมายอัคคีภัย
26. งานที่เป็นอันตรายเกี่ยวกับประกายไฟหรือความร้อนต้องมีใบอนุญาตพิเศษตามกฎหมายอัคคีภัยกำหนด
27. โรงงานจะต้องมีทางออกที่ทำให้ทุกคนสามารถหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว
28. การจัดเก็บวัสดุไวไฟจะต้องกระทำอย่างปลอดภัย โดยปฏิบัติตามกฎหมายอัคคีภัยเกี่ยวกับความสูงและระยะห่างจากหลอดไฟ
29. อุปกรณ์ที่ใช้กับวัสดุไวไฟจะต้องต่อสายดินเพื่อป้องกันประกายไฟจากไฟฟ้าสถิต
30. ต้องปฏิบัติตามข้อมูลด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับวัสดุไวไฟ
31. เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยโรงงานจะต้องตรวจสอบความเสี่ยงจากอัคคีภัยทุกเดือนและแก้ไขปัญหาทันที
32. โรงงานต่างๆ ต้องมีแผนความปลอดภัยจากอัคคีภัยที่ครอบคลุม รวมถึงแผนการตรวจสอบ การฝึกอบรม และอพยพ พร้อมสำหรับการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ
สรุป
กฎหมายอัคคีภัย เหล่านี้ไม่ได้เป็นประโยชน์แต่เพียงสถานที่ทำงานเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อคนในสังคม ทำให้มั่นใจได้ว่าแม้โรงงานหรือสถานที่ทำงานจะเกิดเหตุเพลิงไหม้ ก็จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมส่วนร่วมหรือพื้นที่รอบข้าง