7 พฤษภาคม 2567
ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ นันทพงศ์ ปานมาศ ซึ่งเป็นทนายความ โพสต์ภาพ กรณีของน้องฟิล์ม นักศึกษาชั้น ปวส. สาขาช่างยนต์ วิทยาลัยการอาชีพแห่งหนึ่ง จังหวัดพังงา ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุระเบิดเรือสปีดโบ๊ทในระหว่างการฝึกงานที่บริษัทเรือนำเที่ยวในจังหวัดพังงา เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนถึงปัญหาหลายด้านในระบบการศึกษา และการจัดการความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน ตลอดจนการให้การสนับสนุนจากสถานศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังเกิดเหตุ พร้อมข้อความระบุว่า
“ความเป็นธรรมต้องมี ความยุติธรรม ความถูกต้อง ต้องมี และที่สำคัญ อย่าแล้งน้ำใจ อย่าใจดำ ผู้ประกอบการ และสถานศึกษา”
“น้องฟิล์มและเพื่อนได้รับบาดเจ็บ สาหัส น้องฟิล์มอาการหนักสุด รักษา ตัวอยู่โรงพยาบาล นานเกือบ 4 เดือน ”
“หลังจากออกจากโรงพยาบาล จนถึงปัจจุบัน ยังต้องรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง และยังมีอาการปวดแสบปวดร้อน ตามร่างกาย น้องมีบาดแผลทั่วทั้งร่างกาย ตามใบหน้า หัว แขนขา ใบหูขาด และแผ่นหลัง ซึ่งปัจจุบันเป็นแผล เป็น ทั่วทั้งร่างกาย สิ่งที่เกิดขึ้นในการรักษาตัวนอนที่โรงพยาบาล ครอบครัวไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่าย แต่หลังจากออกจากโรงพยาบาล ไม่มีการช่วยเหลือเรื่องเงินเยียวยาใดๆ ทั้งสิ้น”
“ผู้ประกอบการ ไม่มีการเยียวยา และบริษัทประกันก็ไม่มีการติดต่อแจ้งเรื่องเงินเยียวยา และที่สำคัญเงินประกันอุบัติเหตุที่ทำกับสถานศึกษา วิทยาลัยการอาชีพแห่งนั้น ก็ไม่ได้สักบาท เคยไปติดต่อแล้ว แต่ครูปัดความรับผิดชอบ ครูโยนกันไปกันมา จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ได้รับเงินประกันจากสถานศึกษาดังกล่าวเลยสักบาท เพราะทุกสถานศึกษาต้องมีประกันภัยให้นักเรียนนักศึกษาอยู่แล้ว”
“จนเวลาผ่านมา หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น น้องฟิล์มผู้ที่ได้รับบาดรับเจ็บจากอุบัติเหตุระเบิดเรือสปีดโบ๊ท ยังคงต้องทนทุกข์ กับบาดแผลทั่วร่างกายและยังคงต้องไปพบหมออยู่เรื่อยๆ ต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด โดยทั้งหน่วยงานรัฐ และเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ไม่เคยสนใจใยดี จนต้องทำให้รื้นฟื้นคดีขึ้นมาใหม่อีกครั้ง สำนักงานกฎหมาย ทานตะวันจะติดตามรื้อฟื้นคดีนี้ขึ้นมาเพื่อให้เกิดความถูกต้อง ความยุติธรรม
“เพราะบาดแผลทั่วร่างกายและบนใบหน้าที่เกิดขึ้น มันส่งผลทำให้น้องฟิล์ม ไม่กล้าเจอผู้คน ไม่กล้าคุยกับใคร จากคนร่าเริง กลายเป็นคนนิ่งเงียบเพราะทำให้เขาเสียความมั่นใจในตัวเองไป”
ล่าสุดวันที่ 7 พ.ค. 67
นายสามารถ แสงช่วง ซึ่งเป็น พ่อของนักศึกษาที่ได้รับบาดเจ็บ จากอุบัติเหตุเรือระเบิดจากน้ำมันรั่ว บอกว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 62 ระหว่างที่น้องไปฝึกงานที่บริษัท เรือนำเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่ผ่านมาได้รับเงินช่วยเหลือประมาณ 30,000 บาท และเงินบางส่วนจากการช่วยเหลือของอาจารย์ภายในวิทยาลัย
ส่วนตัวนั้นมองว่ามันยังไม่สมเหตุสมผลกับความเจ็บปวดที่ลูกชายของตนต้องเผชิญ เนื่องจากช่วงนั้น ลูกชายอาการสาหัสมาก มีแผลไหม้เกือบทั่วทั้งร่างกายและใบหน้า ต้องใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก ไม่กล้าออกไปไหนมาไหน เพราะอายคน แต่ละคืนต้องเจ็บปวดและทนความทุกข์ทรมานจากบาดแผลที่ถูกไฟไหม้ ตอนนี้ลูกชายได้ไปพักอาศัยอยู่กับญาติในพื้นที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.amarintv.com/news/detail/217166
https://www.facebook.com/share/9PMX6C4EM1jeiVCf/?mibextid=WC7FNe