9 พฤษภาคม 2567
เหตุการณ์ไฟไหม้ถังเก็บสาร Pyrolysis Gasoline ซึ่งเป็นกลุ่มสารปิโตรเคมีในนิคมอุตสาหกรรมพื้นที่จังหวัดระยอง ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะควบคุมได้แล้ว แต่สารเคมีที่ถูกเผาไหม้สามารถก่อให้เกิดโรคร้ายสะสม มูลนิธิบูรณะนิเวศ กังวลถึงสารก่อมะเร็งและโลหะหนักที่ปนเปื้อนลงสู่ทะเล แหล่งน้ำและสัตว์น้ำ ซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชนในระยะยาว
“ฐิติกร บุญทองใหม่” ผู้จัดการแผนงานมูลนิธิบูรณะนิเวศ มองว่า จากเหตุไฟไหมที่ มาบตาพุด จ.ระยอง เป็นแท็งก์เก็บ “ไพโรไลซิส แก๊สโซลีน” เป็นกลุ่มสารปิโตรเคมี ที่มีชื่อย่อว่า C9+ ซึ่งสารเคมีชนิดนี้จะสามารถติดไฟได้ หากมีความร้อนตั้งแต่ 30 องศาเซลเซียส ถือเป็นวัตถุไวไฟ โดย C9+ เมื่อถูกเผาไหม้จะเป็นกลุ่มควันที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้
การควบคุมและมาตรการที่จำเป็น
ในการดับไฟที่เกี่ยวกับสารปิโตรเคมี จำเป็นต้องใช้โฟมที่เป็นสารเฉพาะ โดยทีมดับเพลิงที่เชี่ยวชาญในการดับไฟ โดยตามนิคมอุตสาหกรรมจะมีทีมดับเพลิงที่เชี่ยวชาญ และมีสารเคมีที่มาช่วยดับโดยเฉพาะ แต่ในกรณีที่เกิดขึ้น คือ ถ้าไม่มีการควบคุมเพลิงได้ช้า มีปัจจัยอะไรทำให้การลุกไหม้สารดังกล่าวมีความรุนแรงจนส่งผลต่อชีวิตประชาชน หรือต้นเพลิงมาจากจุดที่ไม่สามารถดับได้ง่าย
ข้อสันนิษฐานการเผาไหม้อาจเกิดขึ้นได้ในหลายกรณี เช่น มีการซ่อมบำรุงทำให้เกิดประกายไฟ หรือแท็งก์เก็บมีการชำรุด
ผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
ปกติสารเหล่านี้ เมื่อไหลลงทะเลจะเจือจางไป แต่จะมีผลในรูปแบบของการสะสมเข้าสู่ร่างกาย อาจไม่แสดงอาการในทันที และอาจมาในรูปแบบการปนเปื้อนในสัตว์น้ำ สารบางตัวแม้จะใช้ความร้อนในการปรุงอาหารให้สุกก็ไม่ได้สลาย เมื่อคนทานสัตว์น้ำเข้าไปจะมีภาวะสะสม
อาการที่เกิดจากควันไฟไหม้
ควันที่เกิดจากการเผาไหม้สารเคมีอาจทำให้เกิดอาการฉับพลันในมนุษย์ เช่น การระคายเคืองที่ตา ผิวหนัง และมีผลต่อระบบการหายใจ วิงเวียนศีรษะ หากคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ที่มีปัญหาทางระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว ก็อาจจะมีผลอย่างรวดเร็ว เช่น เลือดกำเดาไหล หายใจไม่ออก จนต้องรีบนำตัวส่งไปยังโรงพยาบาล
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2784398