9 เมษายน 2567
ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร นายแพทย์สุรวิทย์ ศักดานุภาพ ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ได้นำเจ้าหน้าที่ของสำนักงานและบุคลากรของโรงพยาบาลสมุทรสาคร ร่วมมือกันในการดำเนินการทางด้านสุขภาพ ทีมแพทย์จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมนายแพทย์สุรวิทย์ ศักดานุภาพและนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ได้ทำการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ที่บริษัทเจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด หมู่ที่ 2 ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบการกักเก็บกากแคดเมียมมาก่อนหน้านี้
นายวรณัฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร และ นายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม ส.ส.เขต 1 สมุทรสาคร ได้ร่วมเฝ้าสังเกตการณ์พร้อมพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่เพื่อเข้าใจความต้องการและปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนได้อย่างใกล้ชิด การดำเนินการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนการดูแลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ และเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสารกัดกร่อนในสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
เพื่อลดความกังวลและสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนที่ได้รับการดูแลจากหน่วยงานภาครัฐอย่างเต็มที่ เราเห็นความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและประชาชนในด้านสุขภาพ ดังนั้น การปฏิบัติงานในพื้นที่ระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับประชาชนนั้นมีการประสานงานโดยองค์การประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ (อสม.) ซึ่งจะเป็นผู้ดูแลและสังเกตอาการของประชาชนในพื้นที่ด้วย
สำหรับหน่วยตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ที่ดำเนินการตรวจหาสารแคดเมียมในประชาชนในตำบลบางน้ำจืด รอบโรงงานที่พบกากแคดเมียมครั้งนี้ มีขั้นตอนการทำงานที่เริ่มต้นด้วยการซักประวัติ ถามอาการโดยทั่วไป เช่น มีอาการเวียนหัว อาเจียน หรือมีผื่นคันตามร่างกายหรือไม่ รวมถึงประวัติการสัมผัสสิ่งรอบตัว โดยเฉพาะในเรื่องของอาหารที่บริโภค สภาพแวดล้อมภายในบ้าน และบริเวณรอบบ้านว่าเป็นอย่างไร เพื่อคัดกรองความเสี่ยงในระยะแรกของการตรวจสุขภาพ
หลังจากการสำรวจและประเมินสุขภาพเบื้องต้น
ทีมแพทย์จะดำเนินการวัดความดันโลหิตและวัดไข้ของประชาชนที่ร่วมตรวจสุขภาพ เพื่อตรวจสอบอาการแพ้ การมีไข้ หรือเวียนหัว หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ เจ้าหน้าที่แพทย์จะให้ยาที่เหมาะสมให้ทาน รวมถึงการเก็บสารปัสสาวะเพื่อตรวจหาสารแคดเมียมต่อไป ซึ่งผลการตรวจจะทราบภายในระยะเวลา 3 วัน
ในกรณีที่พบว่ามีสารแคดเมียมเกินเกณฑ์ที่กำหนด ทีมแพทย์จะโทรติดตามและแนะนำให้ผู้ป่วยมารักษาตัวที่โรงพยาบาลสมุทรสาครเพื่อรับการดูแลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามวิธีการรักษาของผู้ป่วยจะขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์และประเมินจากผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ต่อไป
นายแพทย์สุรวิทย์ ศักดานุภาพและทีมแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครเปิดเผยว่า จากการตรวจคนงานของโรงงานเจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด ที่ผ่านมา มีจำนวนรวม 13 รายที่พบมีสารแคดเมียมอยู่ในร่างกาย โดยมีบางคนที่มีระดับสารแคดเมียมเกินเกณฑ์มาตรฐานอย่างบางประการ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทั่วไปของผู้ป่วยทุกคนยังคงมีอาการปกติ และทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครได้รับผู้ป่วยเข้ารับการดูแลที่โรงพยาบาลสมุทรสาครอย่างเหมาะสม หลังจากการตรวจสอบและประเมินสุขภาพของผู้ป่วยเสร็จสิ้น ขั้นตอนถัดไป คือ การประเมินวิธีการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ในกรณีที่ปริมาณสารแคดเมียมในร่างกายไม่มากเกินไป ร่างกายสามารถขับของเสียดังกล่าวออกมาเองได้โดยไม่ต้องการการรักษาเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามหากปริมาณสารนั้นมีมากขึ้น ซึ่งทำให้ร่างกายไม่สามารถขับของเสียออกมาได้ในระดับที่เพียงพอ การรักษาด้วยยาอาจจำเป็นต้องนำเข้ามาใช้งาน
การเก็บตัวอย่างปัสสาวะของประชาชนในพื้นที่นั้น มีจุดประสงค์เพื่อหาความเสี่ยงของผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รอบโรงงาน หากผลการตรวจระบุว่าไม่มีสารแคดเมียมในร่างกาย จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ประชาชนที่รอบรอบโรงงานได้โดยปราศจากสารอันตรายดังกล่าว ในกรณีที่ตรวจพบว่ามีสารแคดเมียมในร่างกาย การดำเนินการต่อไปจะเร่งเคลื่อนให้เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาทางการแพทย์อย่างทันท่วงที เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ยังจำเป็นต้องวางมาตรการทางการแพทย์เพื่อดูแลและรักษาประชาชนในพื้นที่ต่อไป อย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินความเสี่ยงได้ เนื่องจากต้องรอผลการตรวจภายในระยะเวลา 3 วันนับจากนี้
จากการบอกกล่าวของชาวบ้านในพื้นที่
ชาวบ้านบอกเล่าเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ โดยเฉพาะถึงกลิ่นควันและฝุ่นละอองที่มาจากกากอุตสาหกรรมซึ่งปรากฏมาโดยต่อเนื่องมานานหลายปี ในขณะที่ไม่มีใครทราบว่าฝุ่นเหล่านี้เป็นสารอันตรายหรือไม่ แต่ก็ต้องทนทุกข์เสียในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ทำให้ชุมชนต้องรับมือกับสภาพนี้เอง โดยไม่มีการแก้ไขอะไรให้ดีขึ้น เมื่อหน่วยงานราชการหรือสื่อมวลชนเข้าสู่พื้นที่ สภาพการจราจรก็ดูสะอาดขึ้น แต่เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่งทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาพเดิมอีกครั้ง ทำให้ไม่มีใครอยากที่จะใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะสุดท้ายแล้วทุกคนต้องทนอยู่กันต่อไป การมีฝุ่นที่เข้ามาอยู่ในบ้าน และในอากาศ กลับมาอีกครั้ง ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้คนทุกวันเริ่มแย่ลงอีกครั้ง
นอกจากนี้ ชาวบ้านยังเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงในลักษณะการประกอบอาชีพในพื้นที่ ซึ่งเดิมๆ จะเป็นการหล่อหลอมทองแดงเป็นหลัก แต่ต่อมามีการนำเข้าวัตถุอื่นๆ เข้ามาในพื้นที่ โดยไม่มีใครทราบว่าเป็นสารอันตรายหรือไม่ เพราะทางโรงงานไม่เปิดเผยข้อมูลต่อชุมชน ซึ่งทำให้ชาวบ้านไม่รู้ว่ามีสารอันตรายเข้ามาในพื้นที่ ทั้งนี้เป็นการสร้างโอกาสให้กับหน่วยงานรัฐเข้ามาแก้ไขและปราบปรามผู้ที่ลักลอบทำความผิด เพื่อให้ชาวบ้านได้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต ไม่ใช่เพียงแค่เป็นเรื่องราวที่จะละเลยไปในที่สุด
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_8180246?#google_vignette